แนะนำการใช้งานสมุดพ่อพันธุ์
ก่อนอื่นควรพิจารณาพ่อโคแต่ละตัวจากรูปร่างลักษณะภายนอกและข้อมูลเกี่ยวกับพ่อโค เช่น น้ำหนัก ค่า EPD, ค่า ACC, ค่า RANK และ แผนภูมิเรดาร์ (Radar Chart)
ค่า EPD - คือ การคาดการณ์ความแตกต่างในลักษณะของลูกโคที่เกิดจากพ่อโค ตัวเลข EPD จะบอกว่าโดยเฉลี่ยแล้วลูกโคที่เกิดจากพ่อโคนั้นๆ จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าหรือแย่กว่าค่าเฉลี่ยเท่าไหร่ ตัวอย่าง หากพ่อโค A มีค่า EPD น้ำหนักที่ +0.5 กิโลกรัม หมายความว่าลูกโคจากพ่อโค A จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยมากกว่าค่าเฉลี่ย 0.5 กิโลกรัม หรือ พ่อโค B มีค่า EPD น้ำหนัก -0.2 กิโลกรัม หมายความว่าลูกโคจากพ่อโค B มักจะมีน้ำหนักน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 0.2 กิโลกรัม
ค่า ACC - Accuracy หมายถึงระดับความเชื่อมั่นของค่า EPD โดยมีค่าอยู่ในช่วง 0 ถึง 1 (หรือ 0% ถึง 100%) ค่า accuracy ที่สูงบ่งชี้ว่าข้อมูลที่คุณเห็นมีความเชื่อถือได้สูง ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมาก การตีความ: ต่ำ (0.0-0.3): ข้อมูลไม่มั่นใจ อาจมีความคลาดเคลือนสูง, กลาง (0.3-0.6): ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือปานกลาง และ สูง (0.6-1.0): ข้อมูลที่เชื่อถือได้ อาจเป็นฐานในการตัดสินใจได้ ตัวอย่าง: พ่อโค A มีค่า EPD สำหรับน้ำหนัก +0.50 กิโลกรัม และ accuracy 0.75 หมายความว่า เราสามารถมั่นใจได้ว่า EPD ของพ่อโค A มีความเชื่อถือได้สูง ขณะที่พ่อโค B อาจมี EPD เช่นเดียวกันที่ +0.5 กิโลกรัม แต่มี accuracy 0.30 แสดงว่าเมื่อนำน้ำเชื้อพ่อโค B ไปใช้งานจะมีความคลาดเคลือนสูงกว่าพ่อโค A
ค่า %RANK - ใช้บ่งชี้อันดับของพ่อโคในกลุ่มเมื่อเปรียบเทียบกัน เช่น พ่อโคที่อยู่ในอันดับ 1 เป็นพ่อโคที่มี EPD สูงสุดในกลุ่มนั้น ๆ ซึ่ง Rank จะช่วยให้เราเห็นว่าพ่อโคแต่ละตัวมีคุณสมบัติอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับพ่อโคตัวอื่น ๆ ในประชากรเดียวกัน ตัวอย่าง: พ่อโค A อยู่ในอันดับ 1 ในกลุ่มต่าง ๆ หมายความว่าเป็นพ่อโคที่ดีที่สุดในกลุ่มที่เรากำลังพิจารณาในลักษณะด้านนั้น พ่อโค B อยู่ในอันดับ 4 หมายความว่าพ่อโคมี EPD น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับพ่อโคตัวอื่น ๆ ในกลุ่มนั้น
แผนภูมิเรดาร์ (Radar Chart) - ใช้เปรียบเทียบตัวชี้วัดต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของสิ่งที่กำลังสนใจ ตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบความสามารถทางพันธุกรรมของลักษณะที่สำคัญทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในโคบราห์มัน
กำหนดว่าคุณต้องการปรับปรุงลักษณะใด เช่น ความสามารถในการเจริญเติบโต, คุณภาพเนื้อ, หรือความสามารถในการสืบพันธุ์
ค้นหาค่า EPD ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะที่คุณสนใจในสมุดพ่อพันธุ์
ตัวอย่าง: หากเราต้องการปรับปรุงน้ำหนักหย่นม เราจะพิจารณาค่า EPD สำหรับน้ำหนักหย่านมที่แสดงไว้ในสมุดพ่อพันธุ์ ด้วยค่า EPD ดังนี้:
| พ่อโค | EPD น้ำหนักหย่านม (กิโลกรัม) | 
|---|---|
| พ่อโค A | +0.5 | 
| พ่อโค B | +0.4 | 
| พ่อโค C | +0.3 | 
ดูค่าความน่าเชื่อถือ/ถูกต้อง (accuracy) ของ EPD ที่แสดง
ในตัวอย่างนี้ พ่อโค A มีค่า accuracy สูงสุด ซึ่งบอกว่าข้อมูล EPD ของมันมีความเชื่อถือได้มากที่สุด ดังนี้:
| พ่อโค | Accuracy | 
|---|---|
| พ่อโค A | 0.80 | 
| พ่อโค B | 0.60 | 
| พ่อโค C | 0.90 | 
ตรวจสอบอันดับ rank ของพ่อโคแต่ละตัวเพื่อดูว่าพ่อโคใดอยู่ในอันดับที่สูงกว่าในกลุ่ม
ในตัวอย่างนี้ ดังนี้:
| พ่อโค | %Rank | 
|---|---|
| พ่อโค A | 1 (ดีที่สุดในกลุ่ม) | 
| พ่อโค B | 3 | 
| พ่อโค C | 2 | 
6.1 รวบรวมข้อมูลที่ได้จาก EPD, accuracy, และ rank เพื่อเลือกพ่อโคที่เหมาะสม
การวิเคราะห์: เลือกพ่อโค A: EPD นำเสนอผลผลิตน้ำหนักสูง +0.50 กิโลกรัม Accuracy สูง (0.80) ทำให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่คาดหวัง Rank 1 คืออันดับสูงสุดในกลุ่ม ในขณะเดียวกัน พ่อโค B มี EPD น้ำหนักน้อยกว่าและค่า accuracy ต่ำ จะถูกพิจารณาเป็นตัวเลือกในลำดับถัดไป
| พ่อโค | EPD น้ำหนักหย่านม (กิโลกรัม) | Accuracy | %Rank | 
|---|---|---|---|
| พ่อโค A | +0.5 | 0.80 | 1 | 
| พ่อโค B | +0.4 | 0.60 | 3 | 
| พ่อโค C | +0.3 | 0.90 | 2 | 
6.2 พิจารณาแผนภูมิเรดาร์ (Radar Chart)
หลังจากเลือกพ่อโคจากข้อมูลพันธุกรรมได้แล้วให้พิจารณาแผนภูมิเรดาร์ ซึ่งจะแสดงความสามารถทางพันธุกรรมของลักษณะที่สำคัญทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของพ่อโค เพื่อพิจารณาจุดแข็งและจุดอ่อนทางพันธุกรรมของลักษณะที่สนใจเมื่อเปรียบเทียบกับลักษณะอื่นๆจากพ่อโคตัวนั้น เช่น แผนภูมิเรดาห์ของพ่อโค A จะบ่งบอกว่าพ่อโค A มีความสามารถโดดเด่นในเรื่อง อัตราการเจริญเติบโตก่อนหย่านม (FWG) และ พ่อโค B มีความสามารถโดดเด่นในเรื่องน้ำหนักหย่านม (WW)
จากนั้นให้พิจารณาแผนภูมิเรดาห์ของแม่โค D ที่ต้องการนำมาผสม จะเห็นได้ว่าถ้าเลือกพ่อโค A ลูกที่ได้ถูกปรับปรุงทางพันธุกรรมของลักษณะน้ำนักหย่านม (WW) และ อัตราการเจริญเติบโตก่อนหย่านม (FWG) เมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกใช้พ่อโค B ลูกที่ได้ถูกปรับปรุงทางพันธุกรรมของลักษณะน้ำนักหย่านม (WW) เพียงเท่านั้น
หลังจากเลือกพ่อโคและนำไปใช้ในโปรแกรมการปรับปรุงโค ให้วัดผลผลิตของลูกโคที่เกิดขึ้น เช่น น้ำหนักและคุณภาพเนื้อ เพื่อประเมินความสำเร็จตามแผนการปรับปรุงพันธุ์